การประชุมคณะ กมธ. ติดตามงบฯ สภาผู้แทนฯ กรณีตึก สตง.ถล่มในเหตุการณ์แผ่นดินไหว ครั้งที่ 2

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. คณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุรเชษฐ์  ประวีณวงศ์วุฒิ เป็นประธาน ได้มีการประชุมพิจารณาติดตามการบริหารงบประมาณ กรณีโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ที่ถล่มอันเกิดจากแผ่นดินไหว โดยมีผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ผู้แทนจากกรมบัญชีกลาง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย มาให้ข้อมูล

Bangkok Tribune ถอดความและเรียบเรียงประเด็นเนื้อหาสำคัญที่รายงานในที่ประชุมฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของ สตง. ที่ยังไม่มีการแถลงชี้แจงอย่างเป็นทางการต่อสาธารณะ

ในการประชุมของคณะ กมธ.ฯ ทางประธานได้ตั้งประเด็นสอบถามความคืบหน้าจากการประชุมครั้งที่ 1 ณ วันที่ 10 เมษายน โดยเฉพาะในประเด็นที่ได้มีการขอให้ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยข้อมูลเอกสารสัญญาและแบบต่างๆ ของอาคาร รายงานการประชุม และเอกสารที่เกี่ยวข้องแก่สาธารณะ ผ่านช่องทางต่างๆ รวมทั้งเวบไซต์ของสำนักงานฯ และ/หรือจัดส่งเอกสารที่ร้องขอดังกล่าวให้แก่ทางคณะ กมธ. ภายในวันที่ 23 พฤกษภาคมที่จะถึงนี้ 

นอกจากนี้ ยังได้สอบถามถึงบทบาทหน้าที่ในการตัดสินใจด้านงบประมาณของผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ไปจนถึงความคืบหน้าในการดำเนินการด้านต่างๆ ของ สตง. หลังเกิดเหตุการณ์ รวมทั้งข้อตกลงคุณธรรม และการบริหารจัดการพื้นที่หลังการส่งมอบคืนโดยทางกรุงเทพมหานคร

ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน มณเฑียร เจริญผล 

ความคืบหน้าในการดำเนินการด้านต่างๆ 

ในส่วนของความคืบหน้าในการตรวจสอบข้อเท็จจริง คณะแรกคือ คณะสืบสวนข้อเท็จจริงฯ ที่ทางรัฐบาลได้มีการแต่งตั้งขึ้น ซึ่งทางกรมโยธาธิการและผังเมืองจะเป็นคนดำเนินการ (คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีอธิบดีกรมโยธาฯ เป็นประธาน) ในส่วนของเรื่องการออกแบบ การก่อสร้าง เหตุสุดวิสัย ซึ่งคณะฯ นี้ เราได้ส่งมอบไปในส่วนของเอกสารสำคัญทั้งหมดแล้ว 2 รอบ แล้วก็มีการเข้ามาสอบถามเจ้าหน้าที่ เพราะฉะนั้น ในส่วนของข้อเท็จจริงในเรื่องเอกสารกับคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงฯ ที่ทางรัฐบาลแต่งตั้ง ตอนนี้ทางเราได้ให้ความร่วมมือทั้งเรื่องเอกสารและบุคคลเรียบร้อย แต่ถ้าทางคณะกรรมการฯ จะขออะไรเพิ่มเติม ทางเราก็พร้อมยินดีที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งเรื่องของคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องเอกสาร

คณะที่ 2 คือคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในประเด็นนอมินีและเสนอราคาที่ไม่เป็นธรรม ตอนนี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำหนังสือขอเอกสารมาทางสำนักงานฯ ซึ่งเราก็ได้ดำเนินการส่งมอบเป็นไฟล์ไปในรอบแรก บางอย่างในเอกสารที่ต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในคดี ซึ่งต้องใช้เอกสารตัวจริงในเรื่องของเอกสารที่ต้องรับรองสำเนาในตัวจริง อันนี้อยู่ระหว่างดำเนินการประสานกัน ในส่วนของการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ของสตง. เบื้องต้นมีการสอบสวนไปแล้ว 2 คณะ 

ส่วนคณะพนักงานสอบสวนจากสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อคือคดีอาญา ในขณะนี้ก็จะมีการสอบสวนให้ความร่วมมือ แต่เนื่องจากยังมีประเด็นคือกล่องเอกสารจำนวนมากเป็น 100 กล่อง แล้วก็คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอาคารหลังนี้ ทางพนักงานสอบสวนก็เลยแยกคณะสอบออกเป็นทีมหลายๆ ทีม ก็จะเป็นประเด็นปัญหาเรื่องเอกสาร เพราะแต่ละคณะก็จะต้องการเอกสารเหมือนกัน เราส่งไปคณะหนึ่ง อีกคณะหนึ่งก็อยากได้เอกสารเหมือนกัน ก็พยายามจะๆ สื่อสารกันอยู่ว่าจะจัดการอย่างไร เพราะเอกสารซ้ำๆ  แล้วก็จะเป็นเอกสารค่อนข้างเยอะ แต่ปัจจุบันก็ประสานกันในเรื่องเอกสารเข้าใจกันชัดเจน ประเด็นเรื่องพวกนี้ก็จะหมดไป

ส่วนคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ก็มีคณะกรรมาธิการศึกษาและจัดทำติดตามงบประมาณ ก็ได้มาชี้แจงครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 กับมีการร่วมส่งเจ้าหน้าที่ร่วมกับคณะฯ ออกไปดูพื้นที่จริง คณะที่ 2 คือคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระฯ ส่วนคณะที่ 3 คือคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ได้ชี้แจงไป 2 ครั้ง คณะที่ 4 คือคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการยกระดับมาตรฐานการก่อสร้าง มาตรฐานความปลอดภัย การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างอย่างเป็นระบบ และคณะที่ 5 คือคณะเศรษฐกิจและการเงินของวุฒิสภา และในส่วนของหน่วยงานอื่นๆ ก็มีการประสาน ไม่ว่าจะเป็น ACT เรื่องของประกันภัย

หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว สำนักงานฯ ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านเว็บไซต์เป็นทางการแสดงความเสียใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกๆ หลังจากนั้น ก็จัดตั้งศูนย์ประสานงานโดยร่วมกับกทม. ในพื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหวที่จตุจักร ได้ประสานเรื่องกับบริษัทประกันให้มาดูแลเรื่องความเสียหาย แต่ปรากฏว่า ญาติผู้ประสบเหตุบางส่วนเป็นชาวต่างชาติ ก็เลยประสานทาง พ.ม. ขอให้มีอาสาสมัครเรื่องล่ามที่เป็นชาวต่างชาติมาช่วย

ในส่วนของการช่วยเหลือ สำหรับกรณีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บในผู้บาดเจ็บทั้งหมด เราได้มีเดินทางไปเยี่ยมโดยมอบกระเช้าและค่าใช้จ่ายเบื้องต้น 7 ราย อีก 2 ราย เราไปไม่ทัน เขาออกจากโรงพยาบาลไปก่อน สำหรับผู้เสียชีวิตที่จัดงานพิธีสวดอภิธรรม พิธีต่างๆ เราได้มอบให้ทางผู้บริหารทุกจังหวัดเดินทางไปร่วมสวดอภิธรรม แล้วก็มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ซึ่งเป็นเงินที่เราบริจาคกันเอง ช่วยเหลือเบื้องต้นทุกราย และนี่ก็เป็นส่วนที่เรามอบหมายให้เดินทางไปแสดงความเสียใจ (ในช่วงหนึ่งในระหว่างการชี้แจง ทางผู้ว่าฯ ได้มีการขออภัยในการตอบคำถามผู้สื่อข่าวในประเด็นการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบและญาติในวันทำพิธีทางศาสนา ณ ตึก สตง. ในวันที่ 13 พ.ค. ว่า มีความเข้าใจผิดในประเด็นคำถามและตอบเพียงในกรณีของผู้เสียชีวิตโดยไม่ได้การกล่าวถึงทางญาติด้วยแต่อย่างใด)

ในส่วนของการดำเนินการส่วนอื่น เราได้มีการกำหนดแนวทางในการบังคับตามสัญญา แล้วก็กฎหมาย โดยมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา เป็นส่วนของข้าราชการของสำนักงานฯ สตง. เพื่อดูเรื่องการบังคับตามสัญญาและการดำเนินการกับผู้รับจ้าง 

นอกจากนี้ ได้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องเยียวยา เช่น ปภ. ซึ่งในระเบียบกระทรวงการคลังว่าเรื่องเงินช่วยเหลือภัยพิบัติไม่เพียงพอ มันน้อย ปภ. ก็ทำเรื่องให้ได้มากกว่าที่ระเบียบกำหนดโดยประสานกระทรวงการคลัง ถ้าตามระเบียบเลยก็ไม่กี่หมื่น ส่วน คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย.) ก็ประสานกับบริษัทประกันให้มาตั้งเต็นท์อยู่ในพื้นที่จตุจักรสำหรับช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้น แล้วเราก็ประสานกับผู้รับจ้างในเรื่องนี้ในกรณีบุคคลที่เข้ามาทำงานว่ามีใครบ้าง เพื่อบริษัทประกันจะได้เอารายชื่อไปตรวจสอบให้

กับส่วนผู้รับจ้างได้ทำประกันไว้ เป็นประกันความเสียหายทั้งจำนวน ในกรณีถ้าคดีพิสูจน์ได้แล้วจากทางคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงฯ ถ้ารัฐได้เสียหาย สตง. จ่ายไป 900 กว่าล้าน บริษัทควรจะจ่ายให้กับผู้เสียหายที่แท้จริง เรายืนยันว่าเราเป็นผู้เสียหาย อันนี้ก็เป็นประเด็นว่า ควรจะจ่ายมาเพื่อคืนเงินให้กับค่าใช้จ่ายของรัฐที่เราได้จ่ายไปทั้งหมด แล้วก็ประกันบุคคลที่ 3 ที่ทำอยู่ เราก็ได้เชิญบริษัทประกันฯ มาพูดคุยประเด็นนี้

ในส่วนของของข้อกฎหมาย หลังจากเกิดตึกถล่มแล้ว ในเรื่องของข้อสัญญาเราได้ทำหนังสือไปถึงสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อหารือข้อกฎหมายว่า ในส่วนของข้อกฎหมายที่จะดำเนินการหลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อกฎหมายตามสัญญา หรือข้อกฎหมายอื่นๆ เราควรต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง เพื่อให้สำนักงานสูงสุดได้พิจารณาและตอบกลับมา

หลังการรื้อถอนไปได้อาทิตย์กว่าๆ ได้รับการประสานจากปลัด กทม. ว่า ในการเบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงมีปัญหา ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการรื้อถอนมีปัญหา ทาง สตง. มีแนวทางอย่างไรบ้าง ก็ได้ประสานไปยังผู้รับจ้างในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการรื้อถอนทั้งหมด ซึ่งทางผู้รับจ้างก็ยืนยันว่าในการดำเนินการทั้งหมด เป็นไปตามสัญญา ผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งผู้รับจ้างก็สำรองค่าน้ำมันที่ใช้ในการรื้อถอนทั้งหมดทุกวันให้ทาง กทม. แล้วก็เอกชนที่เข้ามาดำเนินการ

หลังการส่งมอบพื้นที่วันที่ 15 ได้มีการประชุมกันระหว่าง กทม. ตำรวจ แล้วก็ผู้รับจ้าง แล้ว สตง. ก็ได้ทำหนังสือประสานตำรวจให้อายัดพื้นที่จนกว่าคดีจะแล้วเสร็จ

การพิจารณางบประมาณของโครงการฯ​ ของ คตง.

ในส่วนของงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นการงบประมาณในการสร้างหรืองบประมาณในการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ตามระเบียบของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. 2564 ในข้อ 20 (1) ในกรณีที่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงรายการ วงเงิน ระยะเวลา หรือรายละเอียดของรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้สำนักงานฯ ดำเนินการ เฉพาะส่วนงบประมาณ​ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการโดยไม่เพิ่มวงเงินหรือก่อหนี้ผูกพัน ให้เสนอคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเห็นชอบก่อนทำข้อตกลงต่อไป ในระเบียบไม่มีกำหนดวงเงิน เป็นระเบียบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

หมายเหตุ: ผู้ว่าฯ สตง. มณเฑียรไม่ได้ชี้แจงเรื่องความคืบหน้าการเปิดเผยเอกสารสัญญาและเอกสารอื่นๆ และรายละเอียดที่เกี่ยวข้องในที่ประชุมฯ​ แต่อย่างใด

ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน มณเฑียร เจริญผล และรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สุทธิพงษ์ บุญนิธิ (คนกลาง) ในที่ประชุมฯ. Credit: กมธฯ ติดตามงบฯ

รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สุทธิพงษ์ บุญนิธิ

ข้อตกลงคุณธรรม

ทาง สตง. ได้รับหนังสือ (กมธ.ฯ) เรียบร้อยแล้ว ในหนังสือบอกต้องส่ง (เอกสารที่เกี่ยวข้อง) มาให้ทางกรรมาธิการฯ ภายในวันที่ 23 พฤษภาคม วันนี้เตรียมครบหมดแล้ว แต่ไฟล์มันใหญ่มาก จะทยอยให้ (ประธาน กมธ.ฯ ​แนะนำให้อัพโหลดขึ้นเวบไซต์เพื่อเป็นการเปิดเผยต่อสาธารณะหากไม่เป็นความลับที่ต้องส่งให้ทางตำรวจ) 

ในข้อตกลงคุณธรรมในระหว่างการบริหารสัญญา จะเป็นในลักษณะของการประชุมร่วมกันทุกครั้ง โดยมีตัวแทนจาก ACT (Anti-Corruption Organization of Thailand) เข้ามาในการ comment หรือให้ข้อเสนอแนะ ก็จะอยู่ในรายงานการประชุม แต่ถ้าเป็นรายงานที่เกี่ยวกับคุณธรรมของกรรมการฯ น่าจะเป็น report ส่งกลับไปที่กรมบัญชีกลางมากกว่า เพราะถือว่ากรรมการฯ ชุดนี้ถูกแต่งตั้งตาม พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างฯ​

ปกติกรรมการคุณธรรมฯ ก็จะให้ข้อแนะนำในการประชุม เคยขออนุญาตเข้ามาประชุมกับคณะของ สตง. เพื่อพูดคุยแต่ไม่ได้พูดคุยในเรื่องของการปฏิบัติงาน (รองผู้ว่าฯ​ ถามย้ำที่ประชุมฯ เพื่อความแน่ใจว่าพูดเรื่องนี้ได้หรือไม่) มาพูดคุยในกรณีที่ว่า ท่านเห็นสภาพ​ของการ Joint Venture ที่มีบริษัทจากต่างประเทศกับคนไทย แล้วเห็นสภาพว่า เมื่อไม่มีทุน งานมันจะเหมือนกับของ สตง. คือ มันไปต่อไม่ได้ กับทุกๆ ที่ เลยอยากให้ สตง. ผลักดันเรื่องนี้ไปยังระดับนโยบายหรือบริหารว่า หากมีการ joint venture กันระหว่างหน่วยงานที่มาจากต่างประเทศหรือไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ในไทยกับคนไทย ควรจะมีข้อกำหนดที่ชัดเจน เช่น เขาต้องมีทุนจริงๆ ต้องมีผลงานจริงๆ ไม่ใช่เป็นกรณีหิ้วกระเป๋าใบเดียว แล้วไม่จดพาณิชย์ เสร็จแล้วก็มาซื้อซอง แล้วก็ไป join กับบริษัทที่มีผลงาน กรรมการฯ ชุดนี้เห็นว่า มันเป็นปัญหาอันเกิดจากงานของเรา แล้วมันควรจะถูกแก้ปัญหาในภาพรวมของประเทศ

ในการประชุมส่วนใหญ่เราก็ถามข้อเสนอแนะเช่นว่า อย่างกรณีอย่างนี้ควรปฏิบัติอย่างไร แล้วก็มีข้อที่ทางกรรมการฯ​ จะท้วงติงอีกเรื่องก็คือเรื่องความปลอดภัย เรื่องการเร่งรัดงานว่า งาน progress ไม่เป็นไปตามแผน จะทำอย่างไร มันจะมีวาระเรื่องรายงานความคืบหน้าของงานในทุกการประชุม กรรมการฯ ท่านก็จะพยายามบอกว่าเรื่องนี้ แผนมันไปอย่างหนึ่ง ผล progress ไปอีกอย่าง คืองานมันไม่ขึ้น มันเป็นความเสี่ยงของการพิจารณาจะไม่แล้วเสร็จตามระยะเวลากำหนด ตรงนี้กรรมการฯ จะเตือน มันจะอยู่ในรายงานการประชุมทุกครั้ง 

ฟังรายละเอียดการประชุมฯ เพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/share/v/1BrL1XXwPZ/?mibextid=WC7FNe (ขอขอบคุณคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ที่ทำการถ่ายทอดสดการประชุมฯ มา ณ​ ที่นี้)

Also read: ITD tycoon, Premchai Karnasuta, and 16 other executives and engineers charged in collapsed SAO building case