สภาพพื้นที่ในวันที่ประกาศยุติภาระกิจค้นหาและกู้ภัยหลังยาวนานกว่า 46 วัน มีการตั้งคำถามถึงการเก็บและรักษาหลักฐานเพื่อพิสูจน์หลังการส่งมอบพื้นที่ให้ สตง.และทางตำรวจ

สังคมไทยได้เห็นอะไร หลังตึก สตง. ถล่ม

ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ดร. มานะ นิมิตรมงคล ตั้งคำถามถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้อาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ หรือ ตึก สตง. ถล่มในเหตุการณ์แผ่นดินไหวในวันที่ 28 มีนาคม แม้จะมีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องไปจำนวนหนึ่งแล้ว เนื่องจากความกังวลและความเคลือบแคลงใจในกระบวนการต่างๆ ในการพิสูจน์ความจริงยังคงมีสูงในสังคม

องค์กรฯ เองยังไม่ได้รับความกระจ่างแต่อย่างใด หลังทำหนังสือเปิดผนึกเรียกร้องให้มีการเปิดเผยความจริงจากรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีถึงสองครั้ง

“คอร์รัปชันหรือความชุ่ย”?

แม้ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาที่ล้วนเป็นเอกชนมากถึง 17 ราย แต่สิ่งที่สังคมยังคงกังวลคือ กระบวนการสอบสวนทำคดีที่อาจไม่รัดกุมเพียงพอ จนทำให้ผู้ต้องหาบางรายหรือแม้แต่ทั้งหมดหลุดพ้นความผิดเหมือนที่เคยขึ้นซ้ำๆ ในอดีต

สาเหตุที่ตึก สตง. ถล่มเป็นไปได้สองกรณีคือ “คอร์รัปชันหรือความชุ่ย” ของคน แต่เรื่องน่าผิดหวังคือ การที่รัฐบาลลอยตัวจากความรับผิดชอบในการดูแลคดีนี้ ซึ่งไม่ต่างอะไรจากการโกงความรับผิดชอบ โกงความหวังของประชาชน

เหตุน่าเศร้าครั้งนี้ยังทำให้สังคมไทยตาสว่างมากขึ้นอีกหลายประการ

คอร์รัปชันในงานก่อสร้างภาครัฐและวิกฤตในวงการก่อสร้างไทย 

เกิดข่าวลือและข้อวิตกกังวลของประชาชนมากมายว่า ที่ตึกพังพินาศเช่นนี้ เป็นเพราะความบกพร่องของวิศวกรและสถาปนิกที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ การคำนวณทางวิศวกรรมโครงสร้าง การควบคุมการก่อสร้าง การแก้ไขแบบ มีใครละเลยมาตรฐานวิชาชีพ ทำงานบกพร่อง ใช้เหล็กปลอม ลดสเปคปูนซิเมนต์ หรือสมรู้ร่วมคิดกันคอร์รัปชันจนตึกพัง มีคนตายมากมาย

มีการตั้งข้อสงสัยว่า โครงการนี้ใช้กิจการร่วมค้า (Joint Venture) ในการประมูลงาน เพื่อเปิดช่องให้บริษัทต่างชาติเข้ามารับงานขนาดใหญ่ของราชการ แต่เบื้องหลังได้ร่วมทุน แชร์เทคโนโลยีและศักยภาพกันจริง หรือเป็นเพียงกลเลี่ยงกฎหมาย เอกชนไทยกลายเป็นนอมินีที่นั่งกินค่าคอมเท่านั้น

คนไทยช็อคทั้งประเทศจากข่าวฉาวโฉ่ เมื่อวิศวกรผู้ออกแบบ สถาปนิก ผู้ควบคุมการก่อสร้างมากถึง 29 นาย อ้างว่าตนถูกปลอมลายเซ็น สุดท้ายต้องพิสูจน์กันว่าเป็นแค่ข้อแก้ตัว หรือบริษัทมักง่ายปลอมชื่อพวกเขาจริง หรือพวกเขาเป็นมือปืนรับจ้างที่เซ็นชื่อแลกเงินก้อนโต เพราะงานนี้มีคนตายก็ต้องมีคนรับผิดติดคุก

ข่าวน่าสะพรึงกลัวนี้ได้สร้างความวิตกกังวลต่อความมั่นคงของสิ่งปลูกสร้าง ความปลอดภัยในชีวิตของผู้คนและทรัพย์สิน ทำลายเสียชื่อเสียงประเทศชาติ นับเป็นวิกฤตที่ท้าทายจริยธรรม ความรับผิดชอบของวิชาชีพวิศวกรและสถาปนิกไทยอย่างร้ายแรง

แค่ไหนคือจุด “เหมาะสม” ในการใช้เงินแผ่นดิน และอำนาจขององค์กรอิสระฯ

คนไทยได้เห็นจะแจ้งว่าหน่วยงานรัฐกำลังแข่งกันใช้เงินภาษีอย่างฟุ่มเฟือยไปกับสิ่งปลูกสร้าง อาคารสถานที่และเฟอร์นิเจอร์ ทั้งซื้อโคตรแพง สร้างใหญ่โต หรูหรา จนถูกมองว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนและเสพสุขจากทรัพยากรของรัฐ ใช้เงินภาษีเกินความเหมาะสม ใช่หรือไม่? นี่คือการตอกย้ำอีกครั้งหลังกรณีหมู่บ้านป่าแหว่ง ที่เชียงใหม่ และตึกสกายไนน์ของประกันสังคม

อีกคำถามตัวโตๆ ถึงขอบเขตความรับผิดชอบต่อภาพรวมของประเทศในการที่ สตง. และ องค์กรอิสระฯ มีอภิสิทธิ์ในการบริหารงบประมาณของตนเอง ขณะที่งานก่อสร้างของหน่วยงานรัฐก็ไม่มีใครมาตรวจสอบการออกแบบและความถูกต้อง

ประเทศไม่ควรขับเคลื่อนด้วยการก่นด่า แต่ยังจำเป็น!!

ระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินไม่มีจริง ทั้งที่หลังเกิดสึนามิเป็นต้นมา เจ้าหน้าที่รัฐมักอ้างถึงบ่อยครั้งเมื่อเกิดเหตุร้ายแรง จนเมื่อแผ่นดินไหวเรื่องจึงแดงขึ้นว่าเรื่องที่โม้คำโตมาตลอดนั้นมันใช้การไม่ได้แม้ลงทุนไปแล้วหลายร้อยล้านบาท ในที่สุดหลังถูกก่นด่าทั่วแผ่นดินอีกรอบหนึ่ง จึงมีการทดสอบให้เห็นจริงจังว่าพร้อมใช้งานแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

บทสรุปกับท่าทีของนายกรัฐมนตรีในการรับมือวิกฤต

น่าเสียดายที่ท่านนายกรัฐมนตรีพลาดโอกาสแสดงศักยภาพความเป็นผู้นำเมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤต ท่าน “ไม่ประกาศความรับผิดชอบต่อทุกข์สุขประชาชน ไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นประชาชน ด้วยการแสดงถึงความมุ่งมั่น (Political Will) ในนามรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไร ทิศทางการสืบสวนสอบสวน กำหนดบุคคลและหน่วยงานรับผิดชอบ กรอบเวลาที่ชัดเจน ลำดับความเร่งด่วนแต่ละประเด็นก่อนนำไปสู่การดำเนินคดี และบอกกับประชาชนว่าควรทำตัวอย่างไร ควรให้ความร่วมมืออย่างไร”

แต่จะมีใครบอกได้ว่าที่เป็นเช่นนี้ เพราะทำไม่ได้หรือไม่อยากทำ ไม่คิดจะบริหารจัดการอะไร ไม่สนไม่แคร์ หรือกลัวต้องรับผิดชอบ จึงพูดง่ายๆ กว้างๆ แล้วโยนเป็นภาระของหลายหน่วยงาน ทิ้งให้สังคมกังวลต่อไปว่าคนผิดจะลอยนวล และ “ประเทศจะคงอยู่ในวังวนแห่งการปล่อยผ่านความผิดพลาดที่นำไปสู่ความเสียหายใหญ่หลวงต่อไปเช่นนี้”

ภาวนาว่าทั้งหมดที่กล่าวมา จะไม่ใช่ “คอร์รัปชันบวกความชุ่ย” ของคนรวมกัน เพราะมันยากเกินไปที่จะเยียวยา

บทความนี้เผยแพร่โดย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)

อ่านเพิ่มเติม: จดหมายเปิดผนึก ACT กรณีตึก สตง. ถล่ม (ฉบับที่ 1) https://isranews.org/…/isranews-news/137365-isra-act.html/ จดหมายเปิดผนึก ACT กรณีตึก สตง. ถล่ม (ฉบับที่ 2) https://www.isranews.org/…/isranew…/137583-isra-427.html/ การประชุมคณะ กมธ. ติดตามงบฯ สภาผู้แทนฯ กรณีตึก สตง.ถล่มในเหตุการณ์แผ่นดินไหว ครั้งที่ 2