58 องค์กรเครือข่ายองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยได้รณรงค์และเข้ายื่นหนังสือต่อวุฒิสภาก่อนการประชุมวุฒิสภาเมื่อต้นอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อขอให้มีการทบทวนการผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. … โดยระบุว่า การตัดสินใจของวุฒิสภาถือเป็นก้าวสำคัญในกระบวนการทางกฎหมายที่มีเป้าหมายในการปรับปรุงกรอบกฎหมายการประมงของประเทศ
ทั้งนี้ ผู้แทนเครือข่ายฯ ได้เข้ายื่นหนังสือกับประธานกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ธวัช สุระบาล โดยนายสมบูรณ์ คำแหง ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) และผู้แทนเครือข่ายจากหลายองค์กรแสดงความกังวลพร้อมขอให้ยกเลิกการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว
นายสมบูรณ์กล่าวว่า เครือข่ายฯ จาก 58 องค์กร ได้ร่วมลงชื่อในหนังสือเปิดผนึกและได้ติดตามการร่างกฎหมายประมงฉบับใหม่ ซึ่งผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยพบว่ามีมาตราที่ถูกแก้ไขและกังวลว่าจะกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล โดยเฉพาะมาตรา 69 ที่กลับมาอนุญาตให้ใช้อวนตาถี่ทำการประมงในเวลากลางคืนได้ โดยหวังว่าการพิจารณาร่างกฎหมายในวุฒิสภาจะสามารถทบทวนการแก้ไขมาตรานี้ได้
หนังสือเปิดผนึกของเครือข่ายฯ ได้ระบุว่า สืบเนื่องจากพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 จัดทำขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมายจากการขาดการรายงานและการควบคุมปัญหาการจับสัตว์น้ำเกินกำลังการผลิตของทะเล การค้ามนุษย์และการละเมิดสิทธิแรงงานในอุตสาหกรรมการประมงของไทย โดยเนื้อหาและการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ส่งผลให้การประมงทะเลไทยรวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและพันธกรณีระหว่างประเทศที่ไทยเป็นภาคีสมาชิกและให้การรับรอง
ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมฯ ดังกล่าว กลับมีความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้การประมงของไทยกลับสู่การประมงที่ปราศจากความรับผิดชอบเช่นในอดีต เนื่องจากมีการแก้ไขสาระสำคัญหลายประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยกเลิกบทบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในอุตสาหกรรมการประมงทั้งหมด, การอนุญาตให้อวนล้อมที่มีขนาดตาอวนต่ำกว่า 2.5 เซนติเมตร ซึ่งเป็นเครื่องมือประมงที่ถูกห้ามใช้มากกว่า 40 ปี ให้สามารถทำการประมงในเวลากลางคืนได้ (ม.69) , การปรับเปลี่ยนบทบัญญัติที่กำหนดให้ศาลสั่งริบเรือและเครื่องมือประมงในกรณีฝ่าฝืนกฎหมายอย่างร้ายแรง, และการลดโทษปรับลงเหลือเพียงร้อยละ 10 ของอัตราโทษเดิม
ทางเครือข่ายฯ กังวลว่าการแก้ไขประเด็นดังกล่าวนี้ อาจนำไปสู่ผลกระทบในเชิงลบต่อระบบนิเวศทะเล การประมงอย่างยั่งยืน และการรักษามาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนในอุตสาหกรรมการประมงของไทย
จึงขอให้พิจารณาดำเนินการยกเลิกการแก้ไขในมาตรา 69 โดยห้ามใช้เครื่องมืออวนล้อมจับที่มีช่องตาอวนเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร ทำการประมงในเวลากลางคืน, มาตรา 10/1, 11 และ 11/1 ซึ่งเป็นการผ่อนคลายมาตรการคุ้มครองแรงงานเด็กและรายงานข้ามชาติในสถานประกอบการแปรรูปอาหารทะเล, และมาตรา 85/1 การกลับมาอนุญาตให้ขนถ่ายสัตว์น้ำกลางทะเลระหว่างเรือประมง
นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีผู้แทนจากประมงพื้นบ้าน องค์กรด้านแรงงาน ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวจำนวน 3 คน และขอให้แต่งตั้งที่ปรึกษาจากนักวิชาการด้านการประมง ด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลและด้านแรงงาน
ในที่ประชุมวุฒิสภาครั้งที่ 6 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ได้มีการลงมติในวาระ 1 รับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. … โดยที่ประชุมลงมติเห็นชอบ 165 เสียง, ไม่เห็นชอบ 11 เสียง, งดออกเสียง 7 เสียง, และคัดค้าน 1 เสียง
ที่ประชุมฯ ยังได้มีการตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ประมง ของวุฒิสภาจำนวน 21 คน เพื่อศึกษารายละเอียดและผลกระทบของการแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าว โดยกำหนดเวลาศึกษาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568
หลังการยื่นหนังสือฯ ทางเครือข่ายฯ ได้รณรงค์เพื่อแสดงออกและขอเสียงสนับสนุนการคัดค้านร่าง กม. ดังกล่าวจากสาธารณะ ณ หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร และยังเฝ้าจับตาการพิจารณาร่าง กม. ดังกล่าวของวุฒิสภาอย่างต่อเนื่อง
ภาพเล่าความโดย ©Santi Setsin ช่างภาพอิสระ กลุ่ม Foto United










Indie • in-depth online news agency
to “bridge the gap” and “connect the dots” with critical and constructive minds on development and environmental policies in Thailand and the Mekong region; to deliver meaningful messages and create the big picture critical to public understanding and decision-making, thus truly being the public’s critical voice