เป็นเวลา 50 กว่าปีที่นกกระเรียนพันธุ์ไทยได้สูญพันธุ์ไปจากแหล่งที่อยู่อาศัยธรรมชาติ ปี พ.ศ. 2511 คือครั้งสุดท้ายที่มีรายงานการพบเห็นในบริเวณจังหวัดสุรินทร์ หากด้วยการทำงานหนักของหลายๆ ภาคส่วนในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา ที่ “พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก” วันนี้ นกกระเรียนพันธุ์ไทยมากกว่า 150 ตัวได้กางปีกบินเหนือหนองน้ำและทุ่งนาอย่างอิสระอีกหน
โครงการวิจัยเพื่อเตรียมความพร้อมในการทดลองปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยจากสถานเพาะเลี้ยงคืนสู่พื้นที่ชุ่มน้ำตามธรรมชาติของประเทศไทย เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2552 ด้วยความร่วมมือขององค์กรสวนสัตว์กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนเมื่อได้ปล่อยนกกระเรียนกลับคืนสู่พื้นที่ชุ่มน้ำในจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว โครงการต่อเนื่องเพื่ออนุรักษ์นกกระเรียนและถิ่นอาศัยจึงเกิดขึ้น ด้วยการสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (GEF) โดยการกำกับดูแลของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ภายใต้ชื่อ โครงการอนุรักษ์ถิ่นอาศัยของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ที่มีความสำคัญระดับโลกในพื้นที่ภาคการผลิต
ปัจจุบัน มีนกกระเรียนพันธุ์ไทย Sarus Crane (Grus antigone sharpii) จากการเพาะเลี้ยงของสวนสัตว์นครราชสีมาจำนวนกว่า 166 ตัวได้ถูกปล่อยกลับสู่ถิ่นอาศัยตามธรรมชาติ ใน พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก และ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบิน จังหวัดบุรีรัมย์ กว่า 70% ยังคงมีชีวิตรอด อีกทั้งยังมีลูกนกกระเรียนเกิดใหม่ในธรรมชาติจำนวนหนึ่งเป็นความหวังถึงการคืนถิ่นอย่างสมบูรณ์
การทำงานหนักของหลากหลายบุคคลากรที่เกี่ยวข้องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้การคืนถิ่นของนกกระเรียนพันธุ์ไทยสู่แหล่งธรรมชาติประสบผลสำเร็จ หากกระบวนนั้นยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด ในมุมเล็กๆ ของพื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก เจ้าหน้าที่ศูนย์เรียนรู้พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทยจำนวนหนึ่ง ยังคงส่องกล้องเฝ้ามองและติดตามการคืนถิ่นของนกกระเรียนเหล่านั้นอย่างแข็งขัน พวกเขาจดบันทึกจำนวนและบริเวณการพบเห็น รายงานฤดูกาลน้ำขึ้นลง สำรวจแหล่งอาหารในธรรมชาติ เก็บข้อมูลเชิงสถิติ พูดคุยทำงานร่วมกับชุมชนโดยรอบในการอนุรักษ์ และเป็นผู้เล่าเรื่องราวระบบนิเวศในพื้นที่ให้กับนักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา อีกทั้งเป็นผู้อนุบาลเตรียมความพร้อมและปรับสภาพให้กับนกกระเรียนที่ถูกปล่อยคืนถิ่นรุ่นแล้วรุ่นเล่า
การทำงานอย่างต่อเนื่องของพวกเขา นอกจากจะเป็นการสืบสานการทำงานหนักของบุคคลากรรุ่นก่อนๆ ในโครงการฯ แล้ว ยังเป็นการสร้างความหวังความมั่นใจว่า เสียงร้องหาคู่และเสียงกระพือปีกของนกกระเรียนพันธุ์ไทยจะไม่เงียบหายไปจากหนองน้ำและท้องนาเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งหนึ่งในอดีต
Photo: Sayan Chuenudomsavad
(ภาพจัดแสดงในศูนย์เรียนรู้พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทย จังหวัดบุรีรัมย์)
Photo: Sayan Chuenudomsavad
Photo: Sayan Chuenudomsavad
Photo: Sayan Chuenudomsavad
Photo: Sayan Chuenudomsavad
Indie • in-depth online news agency
to “bridge the gap” and “connect the dots” with critical and constructive minds on development and environmental policies in Thailand and the Mekong region; to deliver meaningful messages and create the big picture critical to public understanding and decision-making, thus truly being the public’s critical voice